ช่วงอายุหนึ่งของคน ทุกคนจะมีงานที่ตัวเองต้องทำ เพื่อหาเงิน หารายได้มาใช้จ่ายภายในครอบครัว บางคนทำงานแปดชั่วโมงต่อวัน บางคนทำงานสิบหกชั่วโมงต่อวัน บางคนได้นอนแค่สองถึงสามชั่วโมงต่อวัน เพราะความยากจนที่จะต้องทำงานมาก ๆ เพื่อให้มีรายได้เยอะ ๆ
“{หมดไฟ}”
แรก ๆ เมื่อเข้ามาทำงาน จะรู้สึกว่ากระตือรือร้นในการทำงาน ตั้งใจทำงาน แต่เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง หรือคนที่ไม่ชอบงานที่ตัวเองทำ ก็จะรู้สึกเบื่อ ทำงานไปวัน ๆ ให้เสร็จ โดยไม่ได้ใส่ใจในเนื้องาน
บางคนอาจจะรู้สึกว่างานที่ทำไม่ได้ทำให้ตัวเองเติบโตในหน้าที่การงานขึ้น หรือไม่มีอะไรให้เรียนรู้เพิ่ม
บางคนพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น อาชีพ พยาบาล หมอ บุคลากรทางการแพทย์ ยามรักษาความปลอดภัย พนักงานที่ต้องทำงานเป็นกะ {เป็นต้น} คนเหล่านี้นอนไม่ถึงหกชั่วโมงต่อวันเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือนาฬิกาชีวิตที่ไม่คงที่ ส่งผลให้เสียสุขภาพทางร่างกาย และสุขภาพจิตใจ ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้คน{หมดไฟ}ในการทำงาน
- เตรียมตัวก่อนลาออก
ขณะที่ทำงานเดิม หรือทำงานประจำ ต้องคิดก่อนว่าถ้าตัวเองลาออกไปทำอะไร หาข้อมูลอาชีพที่เราจะทำให้ดี ต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง ต้องลงเรียนใหม่ไหม ลงทุนเท่าไร ให้รายได้เท่าไร
“เงินเก็บฉุกเฉิน”
หากลาออกมา อาจจะมีความเสี่ยงตกงานหลายเดือน ดังนั้นควรมีเงินเก็บหกเท่าของรายจ่ายสำหรับพนักงานประจำ ส่วน{ฟรีแลนซ์}ต้องมีเงินเก็บสิบสองเท่าของรายจ่าย แปลว่า สมมุติรายจ่ายค่าห้องสี่พันรวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารต่อเดือนห้าพัน ค่ารถหนึ่งพัน แสดงว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน ดังนั้นควรมีเงินเก็บฉุกเฉินอย่างน้อยหกหมื่นบาท สำหรับพนักงานประจำ ส่วน{ฟรีแลนซ์}หนึ่งแสนสองหมื่นบาท
“ให้เงินทำงาน”
เรายังไม่จำเป็นต้องลาออกทันที แต่ระหว่างคิดแผนการลาออก ให้เราแบ่งเงินของเรายี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน เพื่อจะมาลงทุน ให้เงินลงทุนทำงานให้เราแทน เช่น ซื้อกองทุนรวม ซื้อหุ้น ซื้อเหรียญ{ดิจิทัล} {เป็นต้น} ต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน(การดีซีเอ) เพื่อที่ให้เงินทำงานให้กับเรา
“การลงทุน”
การลงทุนมีความเสี่ยง และมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบออมทุกเดือน(ดีซีเอ) {การเทรด}ระยะสั้น {การเทรด}ระยะยาว หรือ{การเทรด}แบบ{ฟิวเจอร์} {เป็นต้น} ปัจจุบันมี{ยูทูบเบอร์}หลายคนที่สอนการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ฟรี เราสามารถไปศึกษาหาความรู้ได้ แล้วลองกับเงินจำนวนน้อย ๆ ก่อน แล้วค่อยขยับทุนเพิ่มขึ้น
“หาอาชีพเสริม”
หากสังเกตพฤติกรรมของพนักงานในบริษัท หรือในที่ทำงาน เขาทำอะไร ขาดอะไร หรือตัวเราเองมีเวลาว่างตอนไหน เราสำรวจทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมงาน เช่น ตอนเที่ยงพนักงานมักจะออกไปหาอะไรมาดื่ม เราอาจจะทำน้ำผลไม้ น้ำชา มาขายได้ หรือบางคนตอนเช้ามักมาทำงานโดยไม่ได้กินอาหารเช้า เราก็อาจจะทำอาหารเช้ามาขายได้ {เป็นต้น}
- ลาออกกัน
หากมีความมั่นใจ และความพร้อมในการลาออก ก็ไปเขียนใบลาออกแล้วยื่นได้เลย พร้อมรอยยิ้มสวย ๆ ตอนยื่นใบลาออก
- เริ่มต้นใหม่
อาชีพใหม่ที่เลือกจะมีความแตกต่างกันไป บางคนจะต้องคิดว่าตัวเองจะขายอะไร แล้วทำไมลูกค้าต้องมาซื้อของเรา ลูกค้าเป็นกลุ่มไหน บางคนเปลี่ยนสายงานจากเดิมไปเลย ต้องไปลงเรียนระยะสั้น เพื่อนำความรู้นั้นมาประกอบอาชีพต่อ เช่นโปรแกรมเมอร์ นักลงทุน {เป็นต้น}
- ชีวิตที่สดใส
งานใหม่ที่เราทำ อาจจะมีทั้งความสุข ความทุกข์ปนกันไป เป็นเรื่องปกติของชีวิต การทำงานที่เราเลือก หรือเราสามารถเป็นผู้เลือกได้ ย่อมมีความสุขกว่าการถูกบังคับ หากหลังเลิกงานเรามีเวลาเพิ่ม เราสามารถหาอาชีพเสริมได้ เช่นขับรถรับส่ง เขียนหนังสือ ทำบล็อกที่ตัวเองสนใจ อัดวิดีโอลงยูทูป หรือหาความรู้การลงทุนเพิ่ม เพียงเท่านี้เราก็มีอิสระกับชีวิตมากขึ้น เพราะเราสามารถเลือกได้ และมีเวลาทำในสิ่งที่เราชอบมากขึ้น
ไม่ผิดที่เราคิดจะลาออก แต่เราต้องเตรียมรับความเสี่ยงให้ได้ถ้าเราลาออก มีหลากหลายเหตุผลในการลาออก บางคนอยากลาออกแต่ลาออกไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีที่จะอยู่กับมันให้มีความสุข หาอะไรทำที่ให้ทั้งเงินและความสุขกับเรา ก็จะช่วยเพิ่มความสุขในการทำงานได้
